วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทางเลือสุขภาพ

is a participant in the Amazon Services LLC Associates Program, an affiliate advertising programe designed to provide a means for sites to earn advertising fees by advertising and linking to .

รับประทานข้าวไม่ขัดดีกว่




เขาบอกว่า การนำข้าวไปขัดจนขาว เป็นการทำงายสารอาหารที่มีประโยชน์มากออกไป
ซึ่งการรับประทานข้าวที่ไม่ขัดขาวนั้นมีประโยชน์มาก


  1. ประโยชน์จากจมูกข้าว  ข้าวไม่ขัดจะมีจมูกข้าวเหลืออยู่ ซึ่งในข้าวขัดขาว จะไม่มีจมูกข้าวหลงเหลืออยู่เลย

    จมูกข้าว คืออะไร
    จมูกข้าว คือ ส่วนที่เจริญเติบโตเป็นต้นอ่อน ก่อนที่จะจมูกข้าวจะเจริญเติบโตเป็นต้นข้าวต่อไปนั่นเอง
    - ในข้าวกล้อง (ข้าวที่ไม่ขัดขาว) จะมีจมูกข้าว เป็นพันต้น ส่วน จมูกข้าวในข้าวที่ขัดขาว ไม่มีเลย  ต่อให้รับประทานเป็นหมื่นจานก็ไม่ได้อะไรเลย 
  2. เยื่อหุ้มเม็ดข้าว  ประโยชน์ของเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว คือ เต้มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ หลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี  เเร่ธาตุเช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม
    ยังมีส่วนของเส้นใย Fiber จำนวนมากในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการ
    - ดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร
    -ดูดซับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินในลำไส้
    -ทำให้อุจจาระมีมวล ท้องไม่ผูก ขับถ่ายสะดวก
    -อิ่มนาน เพราะข้าวจะไม่ถูกย่อยเร็ว คือย่อยช้า ทำให้น้ำตาลซึ่งเกิดจากการย่อยเเแ้งเเละน้ำตาล ในข้าวนั้น เข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ
    - ช่วยลดความอ้วนไปด้วย

    เรารับประทานข้าวเป็นหลักอยู่เเล้ว  แต่การรับประทานข้าว มากไป อาจจะก่อให้เกิดโรคต่างๆกับเราได้ ในช่วงอายุหลัง 30ไปแล้ว ร่างกายจะหยุดการเจริญเติบโต การใช้พลังงานเพื่อการดำรงชีวิตก็จะลดลงอย่างชัดเจน ดังนั้น เราจะสังเกตุเห็นว่า ช่วงอายุ หลัง 30 เรารับประมาณอาหารในปริมาณเท่าเดิมแต่กลับอ้วนขึ้น
          การรับประทานอาหารเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนเรา  การลดปริมาณการรับประทานอาหาร ก็เหมือนเป็นการทำลายความสุขอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะลดปริมาณการรับประทานอาหารลงได้ทันที เช่นเดียวกับการลดปริมาณการรับประทานข้าวไม่ข้าว คือ อายุหลัง30 ต้องลดปริมาณการกินข้าวลง  ดังนั้น จึงมีวิธีลดปริมาณการรับประทานลง โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกหิว  เพื่อที่เราจะได้รับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมได้  ซึ่งเราจะใช้วิธีการรับประทาน พืช ผัก ผลไม้ แทนนั่นเอง 
หลักการคือ
เราต้องหา พืช ผัก ผลไม้ต่าง มาเเทนพื้นที่ในกระเพาะอาหารให้เหลือครึ่ง และครึ่งก็จะเป็นส่วนของที่ไม่ใช่พืช ผักผลไม้ และที่เหลือก็จะรวมเป็นความอิ่ม นั่นเอง 
ผมมีข้อแนะนำในการรับประทานข้าวที่ไม่ขัด เพราะว่า หลักก็คือเราต้องลดปริมาณข้าวไม่ขัดลง ผมก้มีเกณ์ในการกำหนดข้าวไม่ขัดขึ้นมาเพื่อกำหนดในการรับประทานข้าวกันดังนี้
  1. หลังอายุ 30 ปี ปริมาณ ประมาณ 2 ทัพพี
  2. หลังอายุ 40ปี ปริมาณ ประมาณ 1.5 ทัพพี
  3. หลังอายุ 50 ปี ปริมาณประมาณ 1 ทัพพีหลังอายุ 60 ปี ปริมาณประมาณ 1/2 ทัพพี 
ข้อแนะนำ ยิ่งถ้าสามารถเปลี่ยนจากทานข้าว มาเป็นพืชผักผลไม้ได้ยิ่งดีนะครับ

นอกจากนี้จมูกข้าวก้มีประโยชน์มากมายนะครับ 

คุณประโยชน์ที่ได้จาก น้ำมันจมูกข้าว


จากผลการทดลองทางการแพทย์พบว่าการรักษาผู้ป่วย หากจะให้ได้ผลดี ต้องมีการให้อาหารเสริมเป็นโภชนาการบำบัดด้วย จะรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากการรักษาบางอย่างทำให้ร่างกายผู้ป่วยอ่อนแอ ไม่สามารถทนต่อการรักษาได้ อาจเสียชีวิตก่อนการรักษาเป็นผล โดยเฉพาะการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง การผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคอื่นๆ จำเป็นต้องให้อาหารเสริมที่บำรุงร่างกายผู้ป่วยโดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที  นอกจากการให้ผลดีในการรักษาแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคร้ายอื่นๆ และสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ทั้งระบบอีกด้วย 

ดังนั้น ผู้ที่สุขภาพร่างกายปกติ การรับประทานน้ำมันจมูกข้าวเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบบริบูรณ์ ทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่าย ส่วนผู้ที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว หากได้รับประทานน้ำมันจมูกข้าว ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ก็จะทำให้การรักษาเห็นผลเร็วยิ่งขึ้น
กลุ่มโรคมะเร็โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีที่มาที่ไปในศตวรรษที่ผ่านมาและศตวรรษนี้ คือโรคมะเร็ง แต่น่ายินดีที่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่า หากได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าวเข้มข้นถึง 5% ของกระแสเลือดในร่างกาย จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นโรคมะเร็ง แม้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว ก็ช่วยได้ถึง 62% เนื่องจากในน้ำมันจมูกข้าว มีสารอาหารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ว่ากันว่า สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันจมูกข้าว มีมากกว่าในพืชทุกชนิดเท่าที่มีการค้นพบในเวลานี้ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันจมูกข้าวและน้ำมันรำข้าวได้แก่

1. สารแกมม่า-ออไรซานอล (Gamma-Oryzanol ) ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า และมีความเสถียรที่สุดเมื่อเทียบกับ วิตามิน C และ E
2. โทคอล (Tocols) วิตามิน อี ธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล (Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol)
นอกจากนั้นยังพบว่าในน้ำมันจมูกข้าวและน้ำมันรำข้าวยังมีโอเมก้า 3 - 6 – 9 อยู่ด้วยกันนั้น ผลการศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก ให้การยอมรับว่า หากคนเราได้กรดไขมันโอเมก้า 3 - 6 - 9 ในอัตรา 1 - 2 - 1 เป็นประจำ จะทำให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง





กลุ่มโรคเบาหวาน1. ในน้ำมันรำข้าวสกัด มีธาตุโครเมียมที่ย่อยง่ายสูง 265x10-3 mg/100 gm โครเมียมที่ร่างกายดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะเกาะอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของกล้ามเนื้อและทำหน้าที่ในการจับกับฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยให้ฮอร์โมนอินซูลินคงตัวได้นานขึ้น ซึ่งโดยปกติ ฮอร์โมนอินซูลินจะมีเสถียรภาพในการทำงาน (half-life) 5 นาที จึงช่วยทำให้การหลั่งกลูโคสลดลง ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำและการดูดซึมน้ำตาลของกล้ามเนื้อก็ต่ำลงด้วย

2. น้ำมัน Linoleic Acid 35%ในน้ำมันรวมทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นสาร โปรสตาแกลนดิน ใน Cyclic AMP ซึ่งจะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายรับกลูโคสได้มากขึ้น ทำให้กลูโคสในเลือดต่ำ
3. Tocopherol, Tocotricnol จะลดปริมาณคลอเลสเตอรอล ที่อุดตันในเส้นเลือด ในกลุ่มเส้นเลือดไปเลี้ยงไต ซึ่งจะมีผลทำให้กลุ่มฮอร์โมน กลูโคสเตียรอย มินเนอโรสเตียรอย แอนโดรสเตียโรล ทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจะมีผลทำให้ร่างกายลดการสลายกลูโคสจากกล้ามเนื้อ, ไกลโคเจนจากตับ กลูโคสจากเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้ความเป็นพิษในเลือดลดลง เนื่องจากยูเรีย, ยูริก, กรดไขมัน (TG) ในเลือดลดลง, ลดเลือดคั่งตามเท้า ตับอ่อน จะทำงานได้ตามปกติ สามารถที่จะผลิตฮอร์โมนอินซูลินตามปกติ เนื่องจากฮอร์โมนที่สั่งการจากต่อมใต้สมองทำงานตามปกติ ไม่มีการหลั่งฮอร์โมนอินพิเนพพริน และ นอริพิเนฟ มากจนเกินความจำเป็น
กลุ่มโรคความดันโลหิตสูง1. น้ำมัน Linoleic Acid จะเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นโปสตาแกลนดิน ซึ่งจะกลายเป็นฮอร์โมนที่ลดการบีบตัวของเส้นเลือด จะทำให้ลิ่มเลือดสลายตัว ทำให้การทำงานของหัวใจลดลง

2. วิตามิน อี ในรูป แอลฟ่า-โทรโคทรินอล จะละลายคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต ทำให้ระบบการทำงานของฮอร์โมนในอวัยวะดังกล่าวทำงานได้ตามปกติ ทำให้การสั่งการในการหลั่งฮอร์โมน นอร์อิพิเนพพลินลดลงเป็นผลให้เส้นเลือดคลายตัว การหลั่งฮอร์โมนเคนินมากขึ้นจากต่อมหมวกไต ซึ่งจะมีผลทำให้เส้นเลือดคลายตัวและลดการสร้างฮอร์โมนเรนนิน เป็นสาเหตุให้การบีบตัวของเส้นเลือดลดลง
3. วิตามิน อี ในรูปของ แอลฟ่า-โทรโคทรินอล จะละลายลิ่มเลือด ทำให้ความดันของเลือดลดลง การนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายบางส่วนไม่เกิดอาการขาดเลือด หรือเกิดอาการเลือดขอดคั่ง
4. กลุ่มวิตามิน บี คอมเพล็กซ์ ในน้ำมันรำสกัด จะมีผลทำให้เกิดการสลายตัวของแป้งและกลูโคส ได้ง่ายขึ้นในขบวนการไกลโคไลซีส, EMP และการใช้พลังงานของหัวใจได้ดีขึ้น
5. สารแกมม่า-ออไรซานอล (Gamma-Oryzanol) ทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปขจัดไขมันชนิดเลว (LDL-คอเลสเตอรอล ซึ่งก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย) และไตรกลีเซอไรด์(Triglyceride) ในเส้นเลือด ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย มากขึ้น อวัยวะที่เสื่อมสภาพก็กลับฟื้นตัว
6. มีกรดไขมันอิ่มตัว 18% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid : MUFA) 45% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid : PUFA) 37% น้ำมันรำข้าวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C)






















กลุ่มโรคสายตา โรคต้อกระจก ต้อหิน บำรุงสายตา1. โปรวิตามิน เอ-เบตาแคโรทีน ที่มีสูงมากในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดิบ ทำให้สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากการขาดวิตามิน เอ ได้โดยเฉพาะโรคน้ำตาแห้ง เซลล์รับแสงวิตามินเอ โรคต้อ เซลล์สายตาถูกทำลาย

2. น้ำมัน ไลโนลิค แอสิด (Linolic Acid) จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นโปรสตาแกลนดิน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อปรับม่านตาทำงานได้ดีขึ้น
กลุ่มโรคความจำเสื่อม โรคไหลตาย1. น้ำมันในส่วนฟอสฟอไลปิด และ ไกลโคไลปิด จะมีผลทำให้สมองและเซลล์สมองได้รับการซ่อมแซมในส่วนที่จุดเชื่อมต่อหลุด และบำรุงเซลล์ประสาทให้แข็งแรง
2. สารฟอสโฟไลปิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่ง มีส่วนสำคัญในการนำไปสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาทจากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดการเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ
3. กรดไขมันไลโนเลนิค ( Linolenic acid ) หรือโอเมก้า 3 (Omega 3) ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมองและความจำ
4. วิตามิน บี-คอมเพล็ก (B-Complex) ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
การบำรุงสมอง บำรุงประสาท1. น้ำมัน Linolic Acid ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆสามารถดูดซับกลูโคส และกรดอะมิโนได้มากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนสภาพฮอร์โมนโปรสตาแกลนดิน และทำให้เกิด Cyclic AMP มากขึ้นจึงทำให้สารอาหารที่เหลืออยู่ในเลือดที่เป็นกลุ่มโปรตีน ไทโรซีน พิลทิลออลานิล ทรีพโทเพน มากขึ้น ซึ่งโปรทีนกลุ่มดังกล่าวจะเป็นแหล่งพลังงานในการทำหน้าที่หลักของเซลล์สมองและประสาท ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมสมอง และประสาทส่วนที่ชำรุด ระบบประสาทจะฟื้นตัวดีขึ้น
2. น้ำมันกลุ่ม ฟอสโฟไลปิด ที่ได้จากการย่อยอาหาร จะถูกลำเลียงไปเลี้ยงระบบสมองบริเวณที่มีการเชื่อมต่อเซลล์สมอง ประสาทจุดเชื่อมที่หลุดหายไป และทำให้เดนไดรท์มีการเชื่อมต่อได้มากขึ้น ความจำจะดีขึ้น
3. กลุ่มแร่ธาตุ K+, Mg+2, Na+ จะทำให้การทำงานของระบบเซลล์ประสาท และสมอง ในการสั่งการได้ดีขึ้น
4. กลุ่มวิตามิน B-complex ทำให้การใช้พลังงานจากการสลายตัวของแป้ง และน้ำตาลได้ดีขึ้น
5. กลุ่มวิตามิน E ทำให้ป้องกันสมองถูกอนุมูลอิสระทำลาย

บำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส และ ชลอความแก่




น้ำมันจมูกข้าว นอกจากจะมีวิตามินอีธรรมชาติในรูปแอลฟา-Tocopherol จำนวนมากแล้วน้ำมันจมูกข้าวและน้ำมันรำข้าวยังมีสารแกมม่า-ออไรซานอล ในปริมาณมากเช่นกัน ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นซ์ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ รวมทั้งวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โอเมก้า 6 และเซลาไมซ์(Ceramide) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า สารอาหารดังกล่าว มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่ง ผ่องใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ทำให้แก่ช้า หรือ ชลอความแก่ ที่มีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย
ท้ายนี้อยากจะฝากข้อคิดไว้สำหรับผู้อ่านบทความนี้ คุณประโยชน์ของสารอาหารและวิตามินต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้เป็นปกติ แต่ถ้าได้รับมากเกินไปอาจจะเป็นโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้น ในการรับประทานอาหารหรือการเลือกรับประทานสารอาหารเสริมควรคำนึงถึงจุดสมดุลของร่างกายด้วย ไม่รับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนรับประทาน ดังจะเห็นได้จากร่างกายของแต่ละคนมีความสามารถในการขับสารพิษหรือสารส่วนที่เกินความต้องการของร่างกายได้ไม่เท่ากัน จะพบบางคนเกิดอาการแพ้เมื่อกินสารอาหารบางชนิดมากเกินไป 
**น้ำมันจมูกข้าว ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นสารอาหารที่สกัดจากจมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่มีสารอาหารสมบูรณ์มากที่สุด เหมาะแก่การรับประทานเพื่อเป็นสารเสริมอาหาร หรือทานควบคู่กับการรักษาของแพทย์ ผู้ที่รับประทานน้ำมันจมูกข้าวเป็นประจำ จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นตลอดเวลา ร่างกายจึงมีภูมิต้านทานสูง ลดการเสื่อมของเซลล์ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง

is a participant in the Amazon Services LLC Associates Program, an affiliate advertising programe designed to provide a means for sites to earn advertising fees by advertising and linking to .

                                            


is a participant in the Amazon Services LLC Associates Program, an affiliate advertising programe designed to provide a means for sites to earn advertising fees by advertising and linking to .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น