วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รู้จัก กัมพูชา ก่อนไป กัมพูชา

     การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว และเพื่อเขียนเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆที่กัมพูชา คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเกี่ยวกับประเทศกัมพูชา ถ้าใครอยากรู้รายละอียดคร่าวๆเกี่ยวกับประเทศนี้ว่ามีอะไร ก็สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้เลยนะครับมีอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ ผมว่าถ้าเราจะไปประเทศเขาก็ต้องศึกษาประเทศเขาไว้ก่อนก็ดีนะคับ อย่างน้อยจะช่วยให้เราเข้าใจถึง ภาษา ศิลปะวัฒนะธรรมบางอย่าง ที่จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวประเทศของเขา
   การเดินทางไปเที่ยวกัมพูชาในครั้งนี้ เราได้เดินทางไปแหล่งอารยธรรมของโลก ที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่นคือ นครวัด - นครธม ซึ่งการเดินทางที่เราไปครั้งนี้ เราไม่ได้ไปที่นครนครวัด - นครธมอย่างเดียวแน่นอน จริงๆมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้เราได้เที่ยวชม ได้ไม่เบื่อเลย



 รู้จักกัมพูชาก่อนไปเที่ยวกัมพุชา ความจริงช่วงที่เราออกเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมหลายอย่างของประเทศนี้ โดยเฉพาะประเทศนี้กัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้าน เเทบจะเรียกว่า เป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทยเลยก็ว่าได้ เห็นได้จากภาพสลักที่นครวัด ที่เขาบอกว่ามาว่า สยามได้ส่งทัพทหารมาช่วยกัมพูชา เพื่อมาช่วยรบกับข้าศึก   สิ่งเเรกที่เราเรียนรู้จากเพื่อนบ้านของเรา


  การเสด็จสวรรคตของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รักของชาวกัมพูชาอย่างลึกซึ้้ง ไม่ต่าง กับความรักของคนไทยเราที่มีต่อระบบพระมหากษัตริย์ไทยเราเลย การเสด็จสวรรคตของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุในครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจให้แก่ชาวกัมพูชา คงคล้ายกับความรู้สึกของชาวไทยเราทุกคนในครั้งนั้น ที่ได้สูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศไทย นั่นคือ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทย อย่างหาเปรียบมิได้   การเดินทางครั้งนี้ ก็เป็นช่วงที่ ไว้ทุกข์ไว้อาลัยให้สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ  เลยทำให้กิจกรรมบางอย่างของเราต้องถูกตัดออกไป เช่นกิจกรรมเกี่ยวกับสันทนาการ ระบำที่เราจะได้รับชม ระบำนางอัปสร   แต่ก็ไม่ได้ทำให้รสชาดของการท่องเที่ยว การเที่ยวชมของเราเปลี่ยนไปเลย เรากลับเห็นใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของชาวกัมพูชาด้วยซ้ำ ว่า พวกเขารู้สึกยังไง  แต่ถึงอย่างไร  พวกเขา ก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปในแบบฉบับของเขา โดยที่เราก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องเจอกับบรรดาผู้คนมากมายที่เป็นชาวกัมพูชาที่เราที่เรารู้สึกว่าเขาต้อนรับเราอย่างเป็นมิตร แบบที่เราสัมผัสได้ถึงความจริงใจ นี่แหละคือคำว่า พี่น้องจริงๆ



  เราออกเดินทางออกจาก กรุงเทพสยาม เดินทางไป กัมพูชา-เสียมราบ ในตอนเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวกัมพูชา ประกาศเป็นช่วงไว้ทุกข์ ไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของเจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์ที่รักยิ่งของพวกเขา  ภาพที่เราเจอ พบเห็น ตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึง ผู้ใหญ่ วัยชรา ทุกคนมีความรักและเคารพกษัตริย์พระองค์นี้มาก ถึงแม้ชาวต่างประเทศ หรือนักข่าวจะลงข่าวว่า กษัตริย์ หรือ อดีตกษัตริย์ ก็ตาม แต่จากภาพที่เราเห็น ผมว่าสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ นี่แหละ เป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของชาวกัมพูชา จริงๆ เสียมเรียบ เป็นเมืองเล็กๆของกัมพูชา แต่ประชาชน พสกนิกรของกษัติย์พระองค์นี้ ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาเสมอ เห็นได้จากภาพที่ชุมชนชาวเสียมเรียบ ต่างพากันมาชุมนุมกัน เพื่อไว้อาลัยแด่กษัตริย์ที่รักยิ่งของพวกเขา จากหนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสกลับมาอ่าน "บรรดาชาวกัมพูชาพร้อมใจกันติดริบบิ้นสีดำและลงธงลงครึ่งเสาเมื่อวันอังคาร เพื่อไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งเป็นที่เคารพรักอย่างยิ่งของพสกนิกร และเป็นการเตรียมพร้อมรับพระศพของเจ้าสีหนุกลับประเทศ ภายหลังที่พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยพระหฤทัยวายที่กรุงปักกิ่งของจีนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา"  
ผมว่าเป็นเรื่องจริงโดยแท้จริงที่เขาได้เสนอข่าวไปอย่างนั้น ภาพที่ผมเห็นเป็นอย่างนั้นจริงๆ ภาพตั้งเด็กเล็กๆ ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์ ก็ต่างพร้อมใจกันมาร่วมไว้อาลัยแด่กษัติย์ของเขา 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น